• SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป แม้ยังมีแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชนและท่องเที่ยว คาดว่าจะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้งในปีนี้ เนื่องจาก 1) เป็นการรักษาสถานะความเป็นกลางของนโยบายการเงิน (Neutral stance) จากปัจจัยเชิงโครงสร้างที่ทำให้ระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่สอดคล้องกับศักยภาพการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว (Neutral rate) ลดต่ำลงจากเดิม และ 2) มติ กนง. ล่าสุดยังออกมาไม่เป็นเอกฉันท์ต่อเนื่อง *** มองกรอบเงินบาทอยู่ที่ 35.80 - 36.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ สำหรับสิ้นปีนี้ เงินบาทจะกลับมาแข็งค่าเล็กน้อยในกรอบ 34.00-35.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
Home MENA ปันผลปี 66 หุ้นละ 0.03 บ. ดจ่าย 17 พ.ค.นี้-ลุยขนส่งดันรายได้โตเกิน15%
MENA ปันผลปี 66 หุ้นละ 0.03 บ. ดจ่าย 17 พ.ค.นี้-ลุยขนส่งดันรายได้โตเกิน15%

MENA ปันผลปี 66 หุ้นละ 0.03 บ. ดจ่าย 17 พ.ค.นี้-ลุยขนส่งดันรายได้โตเกิน15%

ผู้ถือหุ้น บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) เทคะแนนเสียงรับมติจ่ายเงินปันผลงวดปี 2566 ในอัตรา 0.03 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่ายปันผลเป็นเงินสดวันที่ 17 พ.ค.นี้ ฟากซีอีโอ “สุวรรณา ขจรวุฒิเดช”ระบุพร้อมลุยขยาย Fleet รถตามแผน รองรับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ขยายตัวดี เดินหน้าผนึกพันธมิตรใหม่ต่อยอดธุรกิจ วางเป้ารายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15%

 

นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ MENA ผู้นำธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ (Mixer) และรถเทรลเลอร์ (Trailer) รายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 มีมติอนุมัติจ่ายปันผล ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตรา 0.03 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินปันผลประมาณ 22 ล้านบาท โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2567

 

“ที่ผ่านมาธุรกิจการขนส่งสินค้าทุกประเภททั้งซีเมนต์ คอนกรีต สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเฉพาะทาง และสินค้าควบคุมอุณหภูมิของบริษัทฯ ขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่ผลการดำเนินงานมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี การที่บริษัทฯ จ่ายปันผลเป็นเงินสดให้กับผู้ถือหุ้นครั้งนี้ เพื่อเป็นการขอบคุณผู้ถือหุ้นที่ได้ให้โอกาสและสนับสนุนบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา ซึ่งทีมผู้บริหารจะมุ่งมั่นทำงานสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้กับผู้ถือหุ้นอย่างเต็มความสามารถ เราอยากให้ผู้ถือหุ้นมั่นใจว่าผู้บริหารจะผลักดันธุรกิจ รวมถึงรายได้และกำไรสุทธิให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างมีศักยภาพในระยะยาว”นางสุวรรณา กล่าว

 

สำหรับแนวโน้มธุรกิจโลจิสติกส์ปีนี้ เชื่อว่ายังคงขยายตัวได้ดี เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ฟื้นตัวขานรับการท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นจากนโยบายฟรีวีซ่าของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจของบริษัทฯ โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการรถมิกเซอร์ที่มีโอกาสเติบโตสูง รวมถึงรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก บริษัท ทีดี เอ็ม ลอจิสติกส์ จำกัด (TDM)

 

ทั้งนี้ จากอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่ขยายตัว บริษัทฯ จึงได้เพิ่มขีดความสามารถเพื่อรองรับกับการขยายตัวดังกล่าว โดยในครึ่งแรกปีนี้เตรียมงบลงทุนประมาณ 130 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยาย Fleet รถประมาณ 50 คัน แบ่งเป็นรถ Mixer ประมาณ 40 คัน รถเทรลเลอร์ ประมาณ 10 คัน รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้รถ โดยเฉพาะรถที่เพิ่มในระหว่างปี 2566 กว่า 100 คัน ให้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งภายในกลางปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ามีรถพร้อมให้บริการอยู่ที่ 830 คัน และยังคงมองหาพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพและต่อยอดธุรกิจหลักให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ทำให้มั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 15%